ภาวะกลืนลำบาก อย่าชะล่าใจ เสี่ยงโรคแทรกซ้อน
สิ่งที่จำเป็นสำหรับการมีชีวิตคือการหายใจและการกลืน มนุษย์จำเป็นต้องรับประทานอาหารเพื่อการเจริญเติบโต สร้างพลังงานและซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอ การรับประทานอาหารต้องมีการเคี้ยวและกลืนอาหารซึ่งเป็นการทำงานขั้นพื้นฐานตั้งแต่แรกเกิด การเคี้ยวและกลืนแต่ละครั้ง ส่วนต่างๆ ของร่างกายหลายๆ ส่วนต้องทำงานร่วมกันและพร้อมเพรียงเป็นจังหวะชนิดที่แทบจะไม่เกิดความผิดพลาดเลย ประสาทสมอง 6 คู่ และประสาทสันหลัง C1-3 ถูกใช้ในการควบคุมการทำงานของกล้ามเนื้อ 50 มัดขณะกลืน เมื่อร่างกายทำงานผิดพลาดขณะเคี้ยวและกลืน จะทำให้เคี้ยวอาหารไม่ได้ เคี้ยวไม่ละเอียด กลืนไม่ได้ กลืนไม่ลง กลืนติด กลืนเจ็บ สำลัก เกิดอาการแทรกซ้อน เช่น ปอดติดเชื้อ ติดเชื้อในกระแสโลหิต หายใจลำบาก อุดกั้นทางเดินหายใจจนเสียชีวิต
การเคี้ยวและกลืน
เป็นการเตรียมและส่งผ่านอาหารจากช่องปากผ่านช่องคอสู่หลอดอาหารเพื่อไปกระเพาะอาหาร อวัยวะที่ใช้ในการเคี้ยวและกลืนประกอบด้วยกระดูกขากรรไกรบนและล่าง และกล้ามเนื้อต่างๆ อันได้แก่
- กล้ามเนื้อบริเวณใบหน้าและลำคอ
- กล้ามเนื้อลิ้น
- กล้ามเนื้อเพดานอ่อน
- กล้ามเนื้อช่องคอ
- กล้ามเนื้อบริเวณใต้ขากรรไกร หรือกล้ามเนื้อเหนือกระดูกไฮออยด์ (suprahyoid muscles)
- กล้ามเนื้อใต้ต่อกระดูกไฮออยด์ (infrahyoid muscles)
- กระดูกกล่องเสียงและหลอดลม (larynx and trachea)
จะเห็นว่าการกลืนผ่านช่องคอเป็นจุดที่อันตรายมากสุดเพราะเป็นช่องทางร่วมของกล่องเสียงซึ่งเป็นทางเดินหายใจส่วนต้นกับหลอดอาหาร ร้อยละ 90 ของโรคกลืนลำบากเกิดจากรอยโรคที่ช่องคอ อีกร้อยละ 10 เกิดจากหลอดอาหาร
กลุ่มเสี่ยงของโรคกลืนลำบาก
พบตั้งแต่เด็กแรกเกิดจนถึง 5 ปี เนื่องจากการพัฒนาของสมองและกล้ามเนื้อไม่สมบูรณ์ หลังจากนั้นจะพบมากอีกทีในผู้สูงอายุตั้งแต่ 65 ปีขึ้นไป เนื่องจากวัยชรา ระบบประสาทและกล้ามเนื้อทำงานช้าลง ป่วยด้วยโรคต่างๆ เช่น เบาหวาน ความดันโลหิตสูง เส้นเลือดในสมองตีบและแตก การรับประทานยาต่างๆ การผ่าตัด และที่สำคัญคือเนื้องอก โดยปกติเราอาจสำลักหรือกลืนติดเป็นบางครั้ง แต่ถ้าสำลักมากกว่า 10 ครั้งใน 1 วัน หรือสำลัก 3 ครั้งต่อวันติดต่อกัน 7 วัน หรือกลืนติดมากกว่า 2 สัปดาห์ควรรีบไปพบแพทย์ด้านการกลืน
การตรวจและรักษา
ภาวะกลืนลำบาก นอกจากจะส่งผลกระทบทางด้านร่างกายแล้ว ยังส่งผลกระทบทางด้านจิตใจเช่นกัน เพราะผู้ป่วยที่มีอาการกลืนลำบาก มักจะกังวลในการรับประทานอาหารร่วมกับผู้อื่น ทำให้ห่างจากการอยู่ร่วมกับผู้คนในสังคม ผู้ป่วยจึงเกิดความหดหู่ ซึมเศร้า ส่งผลให้ร่างกายมีอาการทรุดหนักลงไปอีก
สนับสนุนข้อมูลโดย : ศ.นพ. วิฑูร ลีเกริกก้อง แพทย์เฉพาะทางด้านโสต ศอ นาสิกวิทยา (โรคการกลืนลำบาก, การผ่าตัดโรคมะเร็งศีรษะและลำคอ, โรคภูมิแพ้)
ศูนย์การแพทย์ : ศูนย์หู คอ จมูก ชั้น 2 โรงพยาบาลบางปะกอก 9 อินเตอร์เนชั่นแนล
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม โทร. 1745 ต่อ 90225